
เย้ยนโยบายมาร์คลอกแม้วเกือบทั้งดุ้น
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พรรคฝ่ายค้าน ได้จัดเวทีประชาธิปไตยอภิปรายนโยบายรัฐบาลนอกสภา โดยมีพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม โดยก่อนการอภิปรายนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวที ว่า ในการอภิปรายครั้งนี้ จะต้องเปิดเผยให้ประชาชนรู้ว่าเรื่องคุณธรรมที่เขียนในนโยบายนั้นไม่จริง รวมทั้งเรื่องการรับผลประโยชน์จากนายทุน ซึ่งเคยพูดถึงกรณีนายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯไปแล้ว อย่างไรก็ตามในการอภิปรายครั้งนี้จะไม่พาดพิงถึงชื่อคนอื่น เพราะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเหมือนในสภา
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลที่กระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือเป็นการประชุมสภานอกรัฐสภาเป็นครั้งแรกของประเทศ ที่จริงแล้ว ส.ส.ของพรรคพร้อมที่จะเข้าประชุม และให้ข้อเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ แต่การประชุมเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 51 เป็นการประชุมที่ไม่ถูกต้อง เพราะข้อบังคับการประชุมข้อ 3 กำหนดขอบเขตของรัฐสภาชัดเจนว่าอยู่ที่อาคารรัฐสภา 1 และ 2 และกำหนดให้การประชุมสภาต้องดำเนินการในรัฐสภาเท่านั้น หากจะเปลี่ยนแปลงสถานที่ก็ต้องจัดประชุมในสถานที่ที่ถูกต้องก่อน แล้วจึงขอมติที่ประชุมยกเว้นการใช้ข้อบังคับ แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กลับเรียกประชุมโดยขัดกับข้อบังคับ จึงถือว่าเป็นการประชุม
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายคนแรกว่า กว่า 99 เปอร์เซ็นต์ ลอกเลียนแบบรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านความมั่นคง หรืออย่างนโยบาย 6 เดือน 6 มาตรการ ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลสมัคร สุนทรเวชนั้น ความจริงคนคิดนโยบายนี้คือพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นเมื่อนายอภิสิทธิ์รู้แล้วก็ต้องตอบว่าจะลอกเลียนพ.ต.ท.ทักษิณไปอีกเท่าใด ส่วนการกำหนดมาตรการ 9 ข้อของนายอภิสิทธิ์ เป็นการประกาศไม่ไว้วางใจครม.อีก 35 คน และเป็นการแสดงออกว่าไม่เข้าใจกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพราะข้อห้ามและข้อปฏิบัติทุกอย่างเป็นข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และการที่บอกว่ายึดมั่นในระบอบรัฐสภาก็ไม่จริง เพราะไม่เช่นนั้นจะตอบคำถามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ระบุว่าพร้อมจะจัดตั้งรัฐบาลแม้จะได้ตำแหน่งนายกฯตำแหน่งเดียวก็ได้ อย่างนี้ถือว่าภาคภูมิใจหรือไม่ และที่ระบุว่าเสียงข้างมากทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์มีส.ส. 166 คน แต่พรรคเพื่อไทยมีเสียงในวันเลือกนายกฯ มีเสียงถึง 178 คน อย่างนี้จะบริหารบ้านเมืองได้อย่างไรถ้าเรื่องนับตัวเลขยังสับสน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นต่อต่างชาตินั้น อีก 100 ก็ทำไม่ได้ เพราะมีรมว.ต่างประเทศอย่างนายกษิตอยู่ ที่วันดีคืนดีก็ออกมาโจมตีผู้นำต่างประเทศว่าเป็นกุ๊ย เรื่องนี้มีหลักฐานเป็นซีดีอยู่ แต่รอเอาไว้พูดในสภา นายกษิตจะต้องถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องประหารชีวิตอย่างเดียว นอกจากนี้นโยบายหลายอย่างไม่มีความชัดเจน อย่างเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาคนว่างงาน ปัญหาราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ ก็ไม่มีแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้นายอภิสิทธิ์อยู่ในอาการกินไม่เข้าคายไม่ออก ก็คือเรื่องเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งเรื่องถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้ตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วันนั้น โดยมีชื่อของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ด้วย หากเมื่อตอนนั้นเห็นว่าพล.ต.อ.พัชรวาทมีส่วนเกี่ยวข้องและมีความผิด ก็ต้องจัดการให้ชัดเจน ถ้าไม่ผิดก็แถลงออกมา ถ้าผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช่อยู่ในสภาพกินไม่เข้าคายไม่ออก แล้วให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกฯเป็นคนเซ็นคำสั่งแทนในฐานะรักษาการนายกฯ ขอเตือนนายชวรัตน์ไว้ด้วยว่าระวังจะติดคุก เพราะไปเซ็นคำสั่งทั้งที่ไม่มีอำนาจ อย่างให้พล.ต.อ.พัชรวาทกลับมาเป็นผบ.ตร. ลงวันที่ 22 ธ.ค. ทั้งที่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.มีการโปรดเกล้าตำแหน่งนายกฯแล้ว วันที่ 20 ธ.ค. นายชวรัตน์พ้นจากการเป็นรองนายกฯมาเป็นรมว.มหาดไทย แต่คำสั่งลงวันที่ 22 ธ.ค. เรื่องนี้จะต้องเอาไว้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายชวรัตน์แน่นอน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ฝากคำถามไว้คือ
1.จะดำเนินการกับพันธมิตรฯหรือไม่
2.จะให้สิทธิ์การชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มเสื้อแดงเหมือนกับการชุมนุมของพวกเสื้อเหลืองหรือไม่
3.ยอมรับหรือไม่ว่าประชาธิปัตย์ส่งนายกษิตไปร่วมมือกับพันธมิตรฯ
4.ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าน.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์เสียชีวิตที่ไหน เพราะที่เสียชีวิตไม่ใช่ที่หน้ารัฐสภา แต่เป็นที่หน้าบช.น.
5.ใช่หรือไม่ที่พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือสารวัตรจ๊าบเสียชีวิตเพราะระเบิดที่พรรคชาติไทย ถ้าไม่ใช่จะต้องปูนบำเหน็จให้เป็นวีรบุรุษหรือวีรสตรี
6.ทำความจริงในวันนั้นให้กระจ่าง ไม่ใช่ว่ายังไงก็ได้ถ้าตัวเองเป็นรัฐบาล
7.ทำความชัดเจนเรื่องบุกรุกทีเขากระโดงและที่อ.สตึก ถ้าผดก็ต้องบอกว่าผิดหรือถ้าไม่ผิดก็แถลงให้ชัด
8.จะดำเนินการอย่างไรกับบริษัทแอร์พอร์ตลิงก์ที่เป็นของรมว.มหาดไทย ในการของบประมาณเพิ่มเติมอีก 455 ล้านบาทที่รัฐบาลก่อนไม่อนุมัติให้ และ
9.นายอภิสิทธิ์ตอบได้หรือไม่ว่าเมื่อรับราชการทหาร เป็นครูโรงเรียนนายร้อยจปร. ลาไปทำอะไร 249 วัน
10.นายกฯอ้างว่าเป็นทหาร ได้รับพระราชทานยศร้อยโท ของกองทัพบก แต่ทำไมถึงไม่ติดยศที่ได้รับพระราชทาน ตนไม่ทราบว่านายอภิสิทธิ์คิดอย่างไร แต่ในหมู่ของทหารและตำรวจ คนที่ได้พระราชทานยศ แต่ไม่ติดยศ มองได้อย่างเดียวว่าขาดความจงรักภักดี
“ต่อไปนี้การตรวจสอบในสภาจะเข้มข้น และขอให้รอดูเสียงหลังจากการเลือกตั้งซ่อม 29 คน หากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาราช พรรคเพื่อแผ่นดินฟากพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ได้รับเลือกตั้งแล้วจะสนุกแน่ แม้ใครบอกว่าฝัน แต่ก็อาจเป็นได้ เพราะยังมีเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการสังกัดพรรคการเมืองเกิน 90 วันที่เป็นคุณสมบัติของผู้สมัคร แต่มีพรรคการเมืองบางพรรคที่ขณะนี้ยังมีสมาชิกพรรคอยู่เพียง 17 คน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พรรคฝ่ายค้าน ได้จัดเวทีประชาธิปไตยอภิปรายนโยบายรัฐบาลนอกสภา โดยมีพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม โดยก่อนการอภิปรายนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวที ว่า ในการอภิปรายครั้งนี้ จะต้องเปิดเผยให้ประชาชนรู้ว่าเรื่องคุณธรรมที่เขียนในนโยบายนั้นไม่จริง รวมทั้งเรื่องการรับผลประโยชน์จากนายทุน ซึ่งเคยพูดถึงกรณีนายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯไปแล้ว อย่างไรก็ตามในการอภิปรายครั้งนี้จะไม่พาดพิงถึงชื่อคนอื่น เพราะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเหมือนในสภา
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลที่กระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือเป็นการประชุมสภานอกรัฐสภาเป็นครั้งแรกของประเทศ ที่จริงแล้ว ส.ส.ของพรรคพร้อมที่จะเข้าประชุม และให้ข้อเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ แต่การประชุมเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 51 เป็นการประชุมที่ไม่ถูกต้อง เพราะข้อบังคับการประชุมข้อ 3 กำหนดขอบเขตของรัฐสภาชัดเจนว่าอยู่ที่อาคารรัฐสภา 1 และ 2 และกำหนดให้การประชุมสภาต้องดำเนินการในรัฐสภาเท่านั้น หากจะเปลี่ยนแปลงสถานที่ก็ต้องจัดประชุมในสถานที่ที่ถูกต้องก่อน แล้วจึงขอมติที่ประชุมยกเว้นการใช้ข้อบังคับ แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กลับเรียกประชุมโดยขัดกับข้อบังคับ จึงถือว่าเป็นการประชุม
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายคนแรกว่า กว่า 99 เปอร์เซ็นต์ ลอกเลียนแบบรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านความมั่นคง หรืออย่างนโยบาย 6 เดือน 6 มาตรการ ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลสมัคร สุนทรเวชนั้น ความจริงคนคิดนโยบายนี้คือพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นเมื่อนายอภิสิทธิ์รู้แล้วก็ต้องตอบว่าจะลอกเลียนพ.ต.ท.ทักษิณไปอีกเท่าใด ส่วนการกำหนดมาตรการ 9 ข้อของนายอภิสิทธิ์ เป็นการประกาศไม่ไว้วางใจครม.อีก 35 คน และเป็นการแสดงออกว่าไม่เข้าใจกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพราะข้อห้ามและข้อปฏิบัติทุกอย่างเป็นข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และการที่บอกว่ายึดมั่นในระบอบรัฐสภาก็ไม่จริง เพราะไม่เช่นนั้นจะตอบคำถามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ระบุว่าพร้อมจะจัดตั้งรัฐบาลแม้จะได้ตำแหน่งนายกฯตำแหน่งเดียวก็ได้ อย่างนี้ถือว่าภาคภูมิใจหรือไม่ และที่ระบุว่าเสียงข้างมากทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์มีส.ส. 166 คน แต่พรรคเพื่อไทยมีเสียงในวันเลือกนายกฯ มีเสียงถึง 178 คน อย่างนี้จะบริหารบ้านเมืองได้อย่างไรถ้าเรื่องนับตัวเลขยังสับสน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นต่อต่างชาตินั้น อีก 100 ก็ทำไม่ได้ เพราะมีรมว.ต่างประเทศอย่างนายกษิตอยู่ ที่วันดีคืนดีก็ออกมาโจมตีผู้นำต่างประเทศว่าเป็นกุ๊ย เรื่องนี้มีหลักฐานเป็นซีดีอยู่ แต่รอเอาไว้พูดในสภา นายกษิตจะต้องถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องประหารชีวิตอย่างเดียว นอกจากนี้นโยบายหลายอย่างไม่มีความชัดเจน อย่างเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาคนว่างงาน ปัญหาราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ ก็ไม่มีแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้นายอภิสิทธิ์อยู่ในอาการกินไม่เข้าคายไม่ออก ก็คือเรื่องเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งเรื่องถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้ตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วันนั้น โดยมีชื่อของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ด้วย หากเมื่อตอนนั้นเห็นว่าพล.ต.อ.พัชรวาทมีส่วนเกี่ยวข้องและมีความผิด ก็ต้องจัดการให้ชัดเจน ถ้าไม่ผิดก็แถลงออกมา ถ้าผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช่อยู่ในสภาพกินไม่เข้าคายไม่ออก แล้วให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกฯเป็นคนเซ็นคำสั่งแทนในฐานะรักษาการนายกฯ ขอเตือนนายชวรัตน์ไว้ด้วยว่าระวังจะติดคุก เพราะไปเซ็นคำสั่งทั้งที่ไม่มีอำนาจ อย่างให้พล.ต.อ.พัชรวาทกลับมาเป็นผบ.ตร. ลงวันที่ 22 ธ.ค. ทั้งที่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.มีการโปรดเกล้าตำแหน่งนายกฯแล้ว วันที่ 20 ธ.ค. นายชวรัตน์พ้นจากการเป็นรองนายกฯมาเป็นรมว.มหาดไทย แต่คำสั่งลงวันที่ 22 ธ.ค. เรื่องนี้จะต้องเอาไว้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายชวรัตน์แน่นอน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ฝากคำถามไว้คือ
1.จะดำเนินการกับพันธมิตรฯหรือไม่
2.จะให้สิทธิ์การชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มเสื้อแดงเหมือนกับการชุมนุมของพวกเสื้อเหลืองหรือไม่
3.ยอมรับหรือไม่ว่าประชาธิปัตย์ส่งนายกษิตไปร่วมมือกับพันธมิตรฯ
4.ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าน.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์เสียชีวิตที่ไหน เพราะที่เสียชีวิตไม่ใช่ที่หน้ารัฐสภา แต่เป็นที่หน้าบช.น.
5.ใช่หรือไม่ที่พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือสารวัตรจ๊าบเสียชีวิตเพราะระเบิดที่พรรคชาติไทย ถ้าไม่ใช่จะต้องปูนบำเหน็จให้เป็นวีรบุรุษหรือวีรสตรี
6.ทำความจริงในวันนั้นให้กระจ่าง ไม่ใช่ว่ายังไงก็ได้ถ้าตัวเองเป็นรัฐบาล
7.ทำความชัดเจนเรื่องบุกรุกทีเขากระโดงและที่อ.สตึก ถ้าผดก็ต้องบอกว่าผิดหรือถ้าไม่ผิดก็แถลงให้ชัด
8.จะดำเนินการอย่างไรกับบริษัทแอร์พอร์ตลิงก์ที่เป็นของรมว.มหาดไทย ในการของบประมาณเพิ่มเติมอีก 455 ล้านบาทที่รัฐบาลก่อนไม่อนุมัติให้ และ
9.นายอภิสิทธิ์ตอบได้หรือไม่ว่าเมื่อรับราชการทหาร เป็นครูโรงเรียนนายร้อยจปร. ลาไปทำอะไร 249 วัน
10.นายกฯอ้างว่าเป็นทหาร ได้รับพระราชทานยศร้อยโท ของกองทัพบก แต่ทำไมถึงไม่ติดยศที่ได้รับพระราชทาน ตนไม่ทราบว่านายอภิสิทธิ์คิดอย่างไร แต่ในหมู่ของทหารและตำรวจ คนที่ได้พระราชทานยศ แต่ไม่ติดยศ มองได้อย่างเดียวว่าขาดความจงรักภักดี
“ต่อไปนี้การตรวจสอบในสภาจะเข้มข้น และขอให้รอดูเสียงหลังจากการเลือกตั้งซ่อม 29 คน หากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาราช พรรคเพื่อแผ่นดินฟากพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ได้รับเลือกตั้งแล้วจะสนุกแน่ แม้ใครบอกว่าฝัน แต่ก็อาจเป็นได้ เพราะยังมีเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการสังกัดพรรคการเมืองเกิน 90 วันที่เป็นคุณสมบัติของผู้สมัคร แต่มีพรรคการเมืองบางพรรคที่ขณะนี้ยังมีสมาชิกพรรคอยู่เพียง 17 คน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น