
"รัฐบาลนี้มีความเสียใจที่พรรคประชาธิปัตย์บางคนได้ฉวยโอกาสเอาพระฯ อันเป็นที่เคารพสักการะมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ในระหว่างที่พระองค์มีพระชนม์อยู่ ในการประชุมพรรคประชาธิปัตย์บางครั้งได้แอบอ้างว่า รับสั่งอย่างนั้นอย่างนี้ จะขอยกตัวอย่างว่า ในการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ศกนี้ มีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกพฤฒสภาที่พรรคประชาธิปัตย์ลองไปร่วมประชุม ก็คงจะจำได้ว่า วันนั้นใครอ้างพระนามไปพูดในที่ประชุมว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งพระองค์เองไม่ทรงทราบเรื่องอะไรเลย พระองค์ทรงบำเพ็ญพระองค์เป็นกลางและเป็นที่สักการะโดยแท้จริง""
ครั้นพระองค์สวรรคตแล้ว ก็เอาการสวรรคตของพระองค์เป็นเครื่องมือทางการเมืองต่อไปอีก ได้พยายามปั้นข่าวเท็จตั้งแต่วันแรกสวรรคต ให้ประชาชนหลงเข้าใจผิด ทั้งในทางพูด ทางโทรศัพท์ ทางโทรเลข และทางเอกสารหนังสือพิมพ์ พวกเหล่านี้ไม่ใช่เป็นพวกที่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เป็นพวกที่แสวงหาผลประโยชน์จากพระฯ เพื่อความเป็นใหญ่ของตน และเพื่อการเลือกตั้งที่จะได้ผู้แทนซึ่งเป็นพวกของตน"
นายปรีดี พนมยงค์ กล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร 9 มิถุนายน 2489
พรรคนี้ได้โจมตีรัฐบาลมาโดยตลอด และที่ร้ายที่สุดก็คือการใส่ร้ายป้ายสี นายปรีดี พนมยงค์ ด้วยวิธีการที่สกปรกโสมมที่สุด ด้วยการจ้างคนไปตะโกนในโรงหนังเฉลิมกรุงว่า "ปรีดีฆ่าxxxxx" แม้ว่าต่อมา นายเลียง ไชยกาล ส.ส.ประชาธิปัตย์ สมัยนั้น ที่ได้ร่วมกับ ม.ร.ว.เสนีย์-คึกฤทธิ์ และ ควง อภัยวงศ์ ได้มาขอขมาต่อนายปรีดีในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่าบุคคลชั้นนำในพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน ก็ยังยกย่องอดีตหัวหน้าพรรคของตนว่าเป็นปูชนียบุคคล เพื่อแสวงหาความชอบธรรมของตนในทางการเมืองโดยมิได้คิดหรือศึกษาดูว่าข้อเท็จ จริงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีกำลังทางทหาร จึงได้ยุยงและร่วมมือกับกลุ่มทหารที่ยังจงรักภักดีต่อ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นหมดอำนาจไปเพราะนำไทยร่วมรบกับญี่ปุ่นให้เข้ามายึดอำนาจทำรัฐ ประหารล้มล้างรัฐบาลของ พล.ร.ต.หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1947 พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ พระพินิจชนคดี พี่เขย ม.ร.ว.เสนีย์-ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ กลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้ง เพื่ออำนวยการเสกสรรปั้นแต่งพยานในกรณี สวรรคต ร.8
การกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการยื้อยุดและทำลายขบวนการประชาธิปไตยที่ได้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475
ข้อมูล : http://www.thaifreenews.com/?name=webboard&file=read&id=7045
นายปรีดี พนมยงค์ กล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร 9 มิถุนายน 2489
พรรคนี้ได้โจมตีรัฐบาลมาโดยตลอด และที่ร้ายที่สุดก็คือการใส่ร้ายป้ายสี นายปรีดี พนมยงค์ ด้วยวิธีการที่สกปรกโสมมที่สุด ด้วยการจ้างคนไปตะโกนในโรงหนังเฉลิมกรุงว่า "ปรีดีฆ่าxxxxx" แม้ว่าต่อมา นายเลียง ไชยกาล ส.ส.ประชาธิปัตย์ สมัยนั้น ที่ได้ร่วมกับ ม.ร.ว.เสนีย์-คึกฤทธิ์ และ ควง อภัยวงศ์ ได้มาขอขมาต่อนายปรีดีในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่าบุคคลชั้นนำในพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน ก็ยังยกย่องอดีตหัวหน้าพรรคของตนว่าเป็นปูชนียบุคคล เพื่อแสวงหาความชอบธรรมของตนในทางการเมืองโดยมิได้คิดหรือศึกษาดูว่าข้อเท็จ จริงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีกำลังทางทหาร จึงได้ยุยงและร่วมมือกับกลุ่มทหารที่ยังจงรักภักดีต่อ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นหมดอำนาจไปเพราะนำไทยร่วมรบกับญี่ปุ่นให้เข้ามายึดอำนาจทำรัฐ ประหารล้มล้างรัฐบาลของ พล.ร.ต.หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1947 พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ พระพินิจชนคดี พี่เขย ม.ร.ว.เสนีย์-ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ กลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้ง เพื่ออำนวยการเสกสรรปั้นแต่งพยานในกรณี สวรรคต ร.8
การกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการยื้อยุดและทำลายขบวนการประชาธิปไตยที่ได้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475
ข้อมูล : http://www.thaifreenews.com/?name=webboard&file=read&id=7045
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น