คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12
โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
ดูดีนะ สำหรับ "แผนปฏิบัติการ : ไทยเข้มแข็ง 2555" ที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงไปเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมาก็เอาใจช่วยให้สามารถดึงเศรษฐกิจไทยขึ้นจากหุบเหวให้ได้กระนั้น สำหรับชาวบ้านตาดำๆ ในฐานะผู้เสียภาษี จะเคลิ้มไปตามทั้งหมดก็คงไม่ได้คงต้องมองในเชิงวิพากษ์ด้วยภาพอาจดูดี แต่เนื้อในน่าตั้งคำถามเพราะดูๆ ไปมีอะไรกึ่งโฆษณาชวนเชื่ออยู่สิ่งที่นายกรณ์ขายซึ่งเป็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางจะเกิดมรรคผลจริงๆ อีก 3 ปีข้างหน้านั้นในทางการเมือง "3 ปี" ถือว่า "ยาวนานมากๆ"เห็นใครๆ เขานับอายุรัฐบาล เป็น "เดือนๆ" ไม่ใช่หรือ!ดังนั้น การมาวาดหวังให้เราเพลินไปกับตัวเลข 1.55 ล้านล้านนั้น อาจได้คะแนนเสียงตอนนี้ แต่ไม่น่าจะยืนอยู่บนฐานแห่งความเป็นจริงนักน่าจะเป็นท่วงทำนอง "ทำฝันให้ไกล แต่ไปไม่ถึง" เสียมากกว่า หรืออย่างการประกาศกู้เงิน 8 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ก็เถอะพิจารณากันอย่างแยกแยะ เราจะพบประเด็น "อะไร" บางอย่างอยู่เช่น ทำไมต้องแบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้ จำนวนเงิน 4 แสนล้านบาทก้อนที่สองออกเป็นพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้อีก 4 แสนล้านบาท คำอธิบายก็คือ ก้อนแรก 4 แสนล้านบาท เป็นเรื่องเร่งด่วน จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก. ซึ่งก็ฟังได้และยิ่งฟังดีใหญ่ เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยประกาศในเชิงหลักการว่าจะพยายามดำเนินการในทุกโครงการให้ "รัฐสภา" สามารถตรวจสอบได้ดังนั้น การกู้ 8 แสนล้านบาท ด้วยการแบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกเป็นวิธีลัดดังว่า ส่วนก้อนที่สองให้เป็นไปตามขั้นตอน ทำให้ดูดีและลดการวิพากษ์วิจารณ์ไปได้จมว่าที่จริงรัฐบาลน่าจะคาดหวังที่ก้อนแรก 4 แสนล้านบาท มากกว่าและต้องการด่วนด้วย คือยังไงๆ ก็ต้องออกเป็น พ.ร.ก.ไม่มีทางเลี่ยง แต่การขับเคลื่อนโดดๆ แบบนั้น คงเจอการเอ็กซเรย์อย่างหนัก แถมจะถูกหาว่าไหนเคยประกาศว่าใช้วิธีการที่รัฐสภาตรวจสอบให้มากที่สุด การรวบรัดออกเป็น พ.ร.ก.จะเข้าทำนอง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองด้วยเหตุนี้หรือเปล่าไม่ทราบ เลยมีการรวบเข้าเป็นก้อนใหญ่ๆ 8 แสนล้านบาท และให้อยู่ในโครงการไทยเข้มแข็งเสียเลย นอกจากลดแรงเสียดทานไปได้มหาศาลแล้วยังดูยึดมั่น "หลักการ" เพราะคนจะรู้สึกว่า ออก พ.ร.ก.แค่ 4 แสนล้าน ส่วน 4 แสนล้านหลัง ก็ยังมีความพยายามทำให้เป็นไปตามขั้นตอนซึ่งก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่า เอาเข้าจริงการกู้เงินก้อนหลังอีก 4 แสนล้านบาท ที่จะทำเป็น พ.ร.บ.ถูกต้องตามหลักการนั้น อาจจะไม่เกิดขึ้นจริงๆ เลยก็ได้เพราะไหนจะชนเพดานการกู้ซึ่งอึดอัดมาก และคนที่จะมารับช่วงต่อก็เหมือนถูกมัดตราสัง นอกจากไปแก้กฎหมายขยายเพดานเงินกู้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกนักยิ่งเมื่อดูสภาพการณ์ทางการเมืองตอนนี้และในอนาคตอันใกล้ รัฐบาลไม่น่าจะถูลู่ถูกัง "อายุ" ตัวเอง ไปได้อีกนานนัก จะเกิน 6 เดือนหรือเปล่ายังเป็นคำถามเป้าหมายจริงๆ ของรัฐบาลจึงน่าจะอยู่ที่การใช้ พ.ร.ก.กู้ 4 แสนล้านบาท ก้อนแรกมากกว่า คือใช้ 2 แสนล้านบาท ไปปิด*****บงบประมาณ 2552 ให้ลง ขณะเดียวกันก็ใช้อีก 2 แสนล้านบาท ไปลงทุนสร้างผลงานในช่วงกลางและต่อเนื่องปลายปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มที่ใครๆ ก็ประเมินว่า ตอนนั้นอาจจะต้องมีการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ การมีเงินลงทุนในมือ 2 แสนล้านบาท ย่อมเป็นเรื่องที่ใครๆ ต้องอิจฉาเป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะอยู่เพียงแค่นั้นก็ได้เรื่องจะกู้เพิ่มอีก 4 แสนล้านบาท เพื่อไปโปะกับเงินก้อนอื่นเพื่อทำให้โครงการไทยเข้มแข็ง 1.55 ล้านล้านบาท ในช่วงปี 2555 เป็นเรื่องที่ยาวไกลเกินไป รัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ยาวได้ปานนั้นยิ่งเห็นท่วงท่าพรรคประชาธิปัตย์ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องถือว่า "สุดยอด" มาก ฝ่ายที่จะรับไม่ได้นอกจากฝ่ายค้านแล้วน่าจะรวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วย คือขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกให้รวบรวมประเด็นมา รวมถึงการนิรโทษกรรมอะไรนั่นด้วย ซึ่งหลายพรรคก็พรวดเข้าไปรับลูก แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับมาลอยตัวไม่ยุ่งเกี่ยว เสียเฉยๆ อย่างนี้พรรคไหนๆ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์คบยาก การคบยากนี่เองที่อาจจะนำไปสู่ความร้าวฉาน และทำให้อายุรัฐบาลไม่ยืดอย่างที่บอกปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ในอีก 3 ปีข้างหน้าจึงน่าจะเป็นเพียงการขายฝันปชป.ต้องการแค่ใช้ พ.ร.ก.กู้เงินด่วนๆ มาใช้ 4 แสนล้านบาท เพื่อความเข้มแข็งของตนเองมากกว่า
(ที่มา มติชนรายวัน , 8 พฤษภาคม 2552)
โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
ดูดีนะ สำหรับ "แผนปฏิบัติการ : ไทยเข้มแข็ง 2555" ที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงไปเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมาก็เอาใจช่วยให้สามารถดึงเศรษฐกิจไทยขึ้นจากหุบเหวให้ได้กระนั้น สำหรับชาวบ้านตาดำๆ ในฐานะผู้เสียภาษี จะเคลิ้มไปตามทั้งหมดก็คงไม่ได้คงต้องมองในเชิงวิพากษ์ด้วยภาพอาจดูดี แต่เนื้อในน่าตั้งคำถามเพราะดูๆ ไปมีอะไรกึ่งโฆษณาชวนเชื่ออยู่สิ่งที่นายกรณ์ขายซึ่งเป็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางจะเกิดมรรคผลจริงๆ อีก 3 ปีข้างหน้านั้นในทางการเมือง "3 ปี" ถือว่า "ยาวนานมากๆ"เห็นใครๆ เขานับอายุรัฐบาล เป็น "เดือนๆ" ไม่ใช่หรือ!ดังนั้น การมาวาดหวังให้เราเพลินไปกับตัวเลข 1.55 ล้านล้านนั้น อาจได้คะแนนเสียงตอนนี้ แต่ไม่น่าจะยืนอยู่บนฐานแห่งความเป็นจริงนักน่าจะเป็นท่วงทำนอง "ทำฝันให้ไกล แต่ไปไม่ถึง" เสียมากกว่า หรืออย่างการประกาศกู้เงิน 8 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ก็เถอะพิจารณากันอย่างแยกแยะ เราจะพบประเด็น "อะไร" บางอย่างอยู่เช่น ทำไมต้องแบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้ จำนวนเงิน 4 แสนล้านบาทก้อนที่สองออกเป็นพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้อีก 4 แสนล้านบาท คำอธิบายก็คือ ก้อนแรก 4 แสนล้านบาท เป็นเรื่องเร่งด่วน จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก. ซึ่งก็ฟังได้และยิ่งฟังดีใหญ่ เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยประกาศในเชิงหลักการว่าจะพยายามดำเนินการในทุกโครงการให้ "รัฐสภา" สามารถตรวจสอบได้ดังนั้น การกู้ 8 แสนล้านบาท ด้วยการแบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกเป็นวิธีลัดดังว่า ส่วนก้อนที่สองให้เป็นไปตามขั้นตอน ทำให้ดูดีและลดการวิพากษ์วิจารณ์ไปได้จมว่าที่จริงรัฐบาลน่าจะคาดหวังที่ก้อนแรก 4 แสนล้านบาท มากกว่าและต้องการด่วนด้วย คือยังไงๆ ก็ต้องออกเป็น พ.ร.ก.ไม่มีทางเลี่ยง แต่การขับเคลื่อนโดดๆ แบบนั้น คงเจอการเอ็กซเรย์อย่างหนัก แถมจะถูกหาว่าไหนเคยประกาศว่าใช้วิธีการที่รัฐสภาตรวจสอบให้มากที่สุด การรวบรัดออกเป็น พ.ร.ก.จะเข้าทำนอง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองด้วยเหตุนี้หรือเปล่าไม่ทราบ เลยมีการรวบเข้าเป็นก้อนใหญ่ๆ 8 แสนล้านบาท และให้อยู่ในโครงการไทยเข้มแข็งเสียเลย นอกจากลดแรงเสียดทานไปได้มหาศาลแล้วยังดูยึดมั่น "หลักการ" เพราะคนจะรู้สึกว่า ออก พ.ร.ก.แค่ 4 แสนล้าน ส่วน 4 แสนล้านหลัง ก็ยังมีความพยายามทำให้เป็นไปตามขั้นตอนซึ่งก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่า เอาเข้าจริงการกู้เงินก้อนหลังอีก 4 แสนล้านบาท ที่จะทำเป็น พ.ร.บ.ถูกต้องตามหลักการนั้น อาจจะไม่เกิดขึ้นจริงๆ เลยก็ได้เพราะไหนจะชนเพดานการกู้ซึ่งอึดอัดมาก และคนที่จะมารับช่วงต่อก็เหมือนถูกมัดตราสัง นอกจากไปแก้กฎหมายขยายเพดานเงินกู้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกนักยิ่งเมื่อดูสภาพการณ์ทางการเมืองตอนนี้และในอนาคตอันใกล้ รัฐบาลไม่น่าจะถูลู่ถูกัง "อายุ" ตัวเอง ไปได้อีกนานนัก จะเกิน 6 เดือนหรือเปล่ายังเป็นคำถามเป้าหมายจริงๆ ของรัฐบาลจึงน่าจะอยู่ที่การใช้ พ.ร.ก.กู้ 4 แสนล้านบาท ก้อนแรกมากกว่า คือใช้ 2 แสนล้านบาท ไปปิด*****บงบประมาณ 2552 ให้ลง ขณะเดียวกันก็ใช้อีก 2 แสนล้านบาท ไปลงทุนสร้างผลงานในช่วงกลางและต่อเนื่องปลายปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มที่ใครๆ ก็ประเมินว่า ตอนนั้นอาจจะต้องมีการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ การมีเงินลงทุนในมือ 2 แสนล้านบาท ย่อมเป็นเรื่องที่ใครๆ ต้องอิจฉาเป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะอยู่เพียงแค่นั้นก็ได้เรื่องจะกู้เพิ่มอีก 4 แสนล้านบาท เพื่อไปโปะกับเงินก้อนอื่นเพื่อทำให้โครงการไทยเข้มแข็ง 1.55 ล้านล้านบาท ในช่วงปี 2555 เป็นเรื่องที่ยาวไกลเกินไป รัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ยาวได้ปานนั้นยิ่งเห็นท่วงท่าพรรคประชาธิปัตย์ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องถือว่า "สุดยอด" มาก ฝ่ายที่จะรับไม่ได้นอกจากฝ่ายค้านแล้วน่าจะรวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วย คือขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกให้รวบรวมประเด็นมา รวมถึงการนิรโทษกรรมอะไรนั่นด้วย ซึ่งหลายพรรคก็พรวดเข้าไปรับลูก แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับมาลอยตัวไม่ยุ่งเกี่ยว เสียเฉยๆ อย่างนี้พรรคไหนๆ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์คบยาก การคบยากนี่เองที่อาจจะนำไปสู่ความร้าวฉาน และทำให้อายุรัฐบาลไม่ยืดอย่างที่บอกปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ในอีก 3 ปีข้างหน้าจึงน่าจะเป็นเพียงการขายฝันปชป.ต้องการแค่ใช้ พ.ร.ก.กู้เงินด่วนๆ มาใช้ 4 แสนล้านบาท เพื่อความเข้มแข็งของตนเองมากกว่า
(ที่มา มติชนรายวัน , 8 พฤษภาคม 2552)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น