
คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์โดย

อัชฌาวดี
ไปกันใหญ่แล้ว ...กรณีการพยายาม “ถอดยศ” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี จากคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ
ที่ต้องบอกว่าไปกันใหญ่ เพราะเป็นห่วงประเทศชาติเหลือเกินกลัวจะวุ่นวายกันอีกรอบ เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นที่นิยมของประชาชนจำนวนมากหากคิดว่าแนวทางนี้เป็นหนทางสู่ความรัก ความสามัคคี ความสมานฉันท์ ก็ไม่มีใครไปทักท้วง
แต่การกระทำที่ยั่วยุเช่นนี้ “เด็กอมมือ” ก็มองออกว่าเป็นการกระทำที่จะมีเหตุรุนแรงตามมา โดยเฉพาะในห้วงเวลาการเลือกตั้งซ่อมที่แต่ละพื้นที่ก็ห้ำหันกันน่าดู
วันนี้คนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นในคุณงามความดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีต่อประเทศชาติและปฏิเสธไม่ยอมรับสิ่งใดๆ ที่กำเนิดมาจาก “รากเหง้า” หรือ “เชื้อชั่ว” ของเผด็จการ
ทำไม ? ไม่เอาผลงานการทำงานในการปราบปรามยาเสพติด หรือ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ฯลฯ มาเป็นเครื่องชี้วัดถึงความดีที่อดีตนายกรัฐมนตรีเคยทำไว้กับประเทศบ้าง
กรณีที่เกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว หลายคนมองว่าเป็น “ความอยุติธรรม” สำหรับคนคนหนึ่ง ที่อดีตนายกรัฐมนตรีเคยทำคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ให้กับประเทศชาติ ชนิดไม่เคยมีผู้นำคนใดในประเทศ กล้าที่จะทำมาก่อน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ประเทศชาติ เสียสละมามากมาย
พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดในแผ่นดินไทย ทำไมความถูกต้อง ความชอบธรรมหายไปไหนหมด หายไปจนไม่สามารถที่จะอยู่ในแผ่นดินเกิดได้ นี่หรือ ที่เรียกว่าประเทศแห่งประชาธิปไตย?
การพยายามจะต้อนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จนมุมนั้นมีกระบวนการทำมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การยึดคืนพาสปอร์ตแดง การเรียกร้องให้ริบคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ การถอดยศตำรวจ พร้อมหาช่องทางหิ้วตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย
ล่าสุด พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บังคับการกองวินัย (ผบก.วน.) ระบุว่า กองวินัย ได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ
ทั้งนี้ พบว่า เข้าเงื่อนไของค์ประกอบตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศ พ.ศ.2547 จึงเสนอเรื่องให้กองกำลังพลไปเมื่อวันที่ 5 มกราคม เพื่อประมวลเรื่องเสนอให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พิจารณาดำเนินการถอดยศตามกฏหมายต่อไป
ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจมาตรา 11(4) , 28 และ 29 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ดังกล่าวจะเห็นว่า พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเหตุในการ "ถอดยศ" ถึง 2 ข้อ
ได้แก่ ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก หรือโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท และต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ
ในเมื่อบ้านเมืองเราเป็นแบบนี้แล้ว ประชาชนก็พูดไม่ออก เพราะท้อแท้ หมดแรง
แต่จะอดทน รอวันเอาคืนประชาธิปไตย ไปสู่วันที่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน อย่างแท้จริง!

มากไปแล้ว...
มาร์ค ม.7 ถอดยศนายกทักษิณฯ ของจุกเหรอ...ตาย ตาย !
มาร์ค ม.7 ถอดยศนายกทักษิณฯ ของจุกเหรอ...ตาย ตาย !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น