
วิกฤติการเมืองจึงดู ไม่สะเด็ดน้ำ
การเมืองไม่ได้รับการเยียวยาอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่เป็นการเมืองตีสองหน้า ปากอย่างใจอย่าง ในขณะที่นโยบายต้องการสร้างความประนีประนอม แต่กลับมีการ จุดชนวนการเมือง อยู่ตลอดเวลา สัจธรรมการเมืองที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ ประชาธิปัตย์เล่นการเมืองได้ชนิดแนบเนียน กลมกลืน
เป็นเกมที่ถนัดที่สุด
นับตั้งแต่เรื่องของยายเนียมผู้ล่วงลับ จนถึงน้องไอติม จนถึงเกมปาไข่ ล็อบบี้ยิสต์และถอดยศถูก จุดติดหมดทุกเรื่อง สามารถชิงพื้นที่ข่าวได้อย่างไม่ยากเย็น ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นผลบวกหรือผลลบเท่านั้น
ผมเชื่อว่าทัศนคติทางการเมืองของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร คนชั้นรากหญ้า ที่ถูกดูหมิ่นดูแคลน เริ่มจะ ยืดอก กล้าที่จะแสดงออกทางการเมืองมากขึ้น ก็ เนื่องจากพฤติกรรมความกดดันทางการเมืองในอดีตที่ผ่านมา วัฒนธรรมประเพณีทางการเมืองที่ดีงามถูกทำลาย จนย่อยยับ
ย้อนประวัติศาสตร์ ลัทธิอุบาทว์ ที่เกิดขึ้นมาในช่วงวิกฤติการเมือง อารยขัดขืน บอยคอตเลือกตั้ง ฉีกบัตรเลือกตั้ง หรือการออกมาชุมนุมไล่รัฐบาลของคนเสื้อเหลืองชนิดเอาเป็นเอา ตาย
วันนี้เลยเกิดคนเสื้อแดงขึ้นมา
เกิดวัฒนธรรมมือตบตีนตบ ปาไข่ ปิดสถานที่ราชการ ย้อนประวัติศาสตร์เมื่อครั้งที่การเมือง ไทยต้องบันทึกไว้ ในพื้นที่ภาคใต้ ที่ใช้กฎเกณฑ์ผ่านการเลือกตั้งด้วยคะแนนร้อยละ 20 เพราะมีผู้สมัครพรรคเดียว แล้วก็มีการล็อบบี้กันสุดฤทธิ์ จนผู้สมัครขาจรทั้งหลายไม่ผ่านเกณฑ์ การเลือกตั้งโมฆะในขณะที่พรรคขาประจำ ไม่ยอมส่งคนลงสมัครเลือกตั้งทั้งๆที่ส่งลงเมื่อไหร่ก็ได้ ส.ส.แบเบอร์อยู่แล้ว ส่งเสาไฟฟ้าลงยังได้
อ้างว่าเป็นอารยขัดขืนฉิบ
มาวันนี้ผมไม่เข้าใจว่า กกต.กลัวประวัติศาสตร์จะย้อนศร หรืออย่างไร จึงออกระเบียบกฎเกณฑ์ป้องกันการขัดขวางการเลือกตั้งมายกใหญ่ ระหว่างกกต.กับประชาธิปัตย์ มีอะไรที่ทะแม่ง อยู่พอสมควร ผมไม่รู้ว่ามีการแทรกแซงอะไรกันตรงไหนหรือไม่
แต่ภาพไม่ค่อยจะดี
ไม่ใช่อะไรผมเป็นห่วงว่า ความรู้สึกของคนทั่วไป จะนำมาซึ่งความเสื่อมของความยุติธรรมใน ประเทศ นำมาซึ่งความหมดศรัทธาในองค์กรหลัก และจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับการปกครองประเทศ
ที่ใกล้จะกลียุค.
“หมัดเหล็ก”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น