![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbAr9yuogcw3abqdv6zcPNg1d8eHHNVefZWpcgsmkmLrdWb_XROK-rFDqofWpExxAU2I6uAoKnF8fji8OojwO71bMg3FqnOVSaBKSKxj8vbHOTsXspzELW3UShDUKIC05tI-w6HZD56UNd/s320/57259.jpg)
ที่มา สมาพันธ์ประชาธิปไตย10 มีนาคม 2552
แถลงการณ์สมาพันธ์ประชาธิปไตย:องค์กรและคณะบุคคลที่รับใช้การรัฐประหารไม่อาจปฏิรูปการเมืองได้
เพราะการนำเอาองค์กรและคณะบุคคลที่เคยรับใช้รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มาทำการ “ปฏิรูปการเมือง” ย่อมเข้าตำรา นำเอาองค์กรนาซีและคณะบุคคลนาซี มาสร้างสังคมเสรีประชาธิปไตยซึ่งไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะผลักภาระในการสร้างประชาธิปไตยให้แก่ สถาบันพระปกเกล้า การทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการ “ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัว”
กล่าวคือ ทำให้ดูเหมือนว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์มีความจริงใจในการสร้างประชาธิปไตย ขณะเดียวกันเป็นการซื้อเวลาในการบริหารราชการของรัฐบาลให้ยาวนานออกไป เพราะทำให้สังคมไทยต้องตั้งตารอว่าเมื่อไรจะบรรลุจุดประสงค์ หากผลที่ออกมาเป็นที่ยอมรับของประชาชนผู้ที่ได้รับคำชมย่อมเป็นรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่หากผิดพลาดล้มเหลวผู้ที่ต้องรับคำวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเข้าตำรา “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่เพื่อน” นั่นเอง
การที่รัฐบาลอภิสิทธิ์มอบให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพในการ “ปฏิรูปการเมือง” เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ต้องการ “ประชาธิปไตย”
เพราะการนำเอาองค์กรและคณะบุคคลที่เคยรับใช้รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มาทำการ “ปฏิรูปการเมือง” ย่อมเข้าตำรา นำเอาองค์กรนาซีและคณะบุคคลนาซี มาสร้างสังคมเสรีประชาธิปไตยซึ่งไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
นาย บวรศักดิ์ อุวรรโณ ในฐานะที่เป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ได้กล่าวไว้ในปาฐกถา การประชุมวิชาการประจำปีของโรงพยาบาลราชวิถี ปี2551 นี้ว่า “ประชาธิปไตยนั่นเหมาะกับประเทศที่มีชนชั้นกลางมาก แต่ประเทศไทยไม่ใช่ เพราะมีแต่คนจน และชอบประชานิยมแบบ ลด แลก แจก แถม ไปเรื่อย”
เท่ากับยืนยันชัดเจนว่า “ประชาธิปไตยไม่เหมาะกับประเทศไทย”
นาย สมคิด เลิศไพทูรย์ เป็นคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ2550ของสภาร่างรัฐธรรมนูญสมัยรัฐประหาร 2549 เป็นผู้เขียนรัฐธรรมนูญอำมาตยาธิปไตยที่ระบุว่า “การรัฐประหาร2549นั้นถูกต้องชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ(มาตรา309ของรธน.2550)”เช่นนี้แล้วจะมาสร้างประชาธิปไตยให้ประเทศไทยได้อย่างไร
นายสุจิต บุญบงการก็ได้ทำงานรับใช้รัฐบาลคณะรัฐประหารในการร่างพ.ร.บ.พัฒนาการเมือง แล้วสิ่งที่สังคมไทยได้รับก็คือ “ระบอบอำมาตยาธิปไตย”ที่แข็งแกร่งหยั่งรากลึกยิ่งขึ้น
สมาพันธ์ประชาธิปไตย จึงขอคัดค้าน “การปฏิรูปการเมืองที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพ”อย่างเด็ดขาด
อนึ่งหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬพศ.2535 พรรคประชาธิปัตย์ก็เคยใช้กลเม็ดถ่วงการปฏิรูปการเมือง โดยไม่ให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญแทนรัฐธรรมนูญรสช.2534โดยตั้ง “คณะกรรมการพัฒนาประชาธิปไตย” ที่มีนายแพทย์ประเวศ วะสีเป็นประธาน และมีนายบวรศักดิ์ อุวรรโณเป็นหลักในการทำเสียเงินไปหลายสิบล้านบาท แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็เก็บใส่ลิ้นชัก
เมื่อพรรคชาติไทยโดยนายบรรหาร ศิลปอาชาได้เป็นนายกรัฐมนตรีจึงตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองและสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญรสช.ได้จนมีการยกร่างรัฐธรรมนูญพศ.2540ได้สำเร็จในรัฐบาลพลเอกชงลิต ยงใจยุทธ จึงเห็นได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีความจริงใจในการปฏิรูปการเมืองหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะที่ตนยังครองอำนาจอยู่เลย
สมาพันธ์ประชาธิปไตยจึงขอเรียกร้องให้ รัฐบาลอภิสิทธิ์แสดงความจริงใจในการปฏิรูปการเมืองโดยเร่งพิจารณารับ “ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ........ของ คปพร.”ในวาระที่หนึ่ง
จากนั้นหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ในวาระที่สองและสาม ซึ่งจะเป็นการสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเนื่องจากยึดถือหลักการ “อำนาจอธิปไตยต้องเป็นของปวงชนชาวไทย หลักนิติรัฐ นิติธรรม และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างเข้มงวด”
สมาพันธ์ประชาธิปไตย
10 มีนาคม 2552
ข้อมูล http://thaienews.blogspot.com/2009/03/blog-post_4403.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น